" "

ปัญหาหลังเกม ที่ชอบพากุนซือและแฟนบอลเดือด

ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้เทคนโนโลยี นั้นได้เข้ามา มีบทบาทกับ วงการกีฬา เป็นอย่างมา

โดยเฉพาะฟุตบอล ที่ต้องถือว่า VAR นั้นสร้างสีสัน รวมถึงข้อพิพาท ให้กับหลายๆ เกมการแข่งขัน กันมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งก็ต้องยอมรับ ว่ามันคือ ส่วนหนึ่งของ วงการฟุตบอล กันไปแล้ว รวมไปถึงไทยลีก ที่ได้มี VAR เข้ามามี ส่วนร่วมในการแข่งขัน กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สากลนั้น ยกให้มันมาเป็น ผู้ช่วยของผู้ตัดสิน แต่สุดท้าย

การตัดสินในสนามนั้น ก็ยังเป็น ผู้ตัดสินอยู่ดี ที่จะเป็นตัวชี้ขาด และล่าสุดนี้ ก็ได้มีข้อพิพาท เกิดขึ้นกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นคู่ของสโมสร สมุทรปราการซิตี้ เปิดบ้านพบกับ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด หลังจากที่เพิ่งเจอกัน เกมแรกในลีก นัดก่อนที่ฝ่าย บุรีรัมย์ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่โดน ทางด้านของ สมุทรปราการซิตี้ บุกไปชนะคาบ้าน

และนัดนี้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง ก็ได้โดนฝ่าย สมุทรปราการซิตี้ อันดับ 7 ของไทยลีก บุกขึ้นนำไป ตั้งแต่นาทีที่ 24 หนึ่งประตู โดยลูกโหม่งของ อาริส ซารีโฟวิช ที่ได้แอสซิสจาก เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ส่งให้สมุทรปราการซิตี้ ขึ้นนำไปก่อน

และหลังจากนั้น ก็เป็นทางฝ่าย บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่าย เปิดหน้าบุก ที่จะเอาประตู ตีเสมอในนาทีที่ 70 แต่เกิดจังหวะ พิพาทกันครั้งแรกเมื่อ นพพล พลคำ เข้าไปขวางทางของ ซามูแวล รอซา กงซัลวิส ที่พยายามจะ พาบอลหนี

แต่ศอกกลับไปโดน นพพล พลคำ แต่ผู้ตัดสิน ให้เพียงใบเหลือง แต่ก็ไม่มีประตูเกิดขึ้น จนกระทั่งมาถึง นาทีที่ 84 ที่ทางด้านของ สมุทรปราการซิตี้ ทำแฮนด์บอล และให้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ และได้ประตูไป จากการยิงลูกโทษ ตีเสมอได้ช่วงท้ายเกม

บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ก็ยังทำการ บุกอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงช่วง ทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ได้กลายเป็น ช่วงนาทีบาปของ สมุทรปราการซิตี้ ที่ไปเสียจุดโทษอีกครั้ง ให้กับ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด และผู้ตัดสินก็ ตรวจสอบ VAR แต่ก็ยังให้จุดโทษกับทาง บุรีรัมย์ยูไนเต็ด

ส่งผลให้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ชนะเกมนี้ไป 2 ประตูต่อ 1 และยังคง รั้งอันดับการ เป็นรองจ่าฝูเอาไว้ได้ต่อไป ซึ่งที่เป็นข้อพิพาท กันนั่นก็คง ต้องเป็นเรื่องของ จุดโทษที่ทางผู้ตัดสิน ชี้ขาดในแต่ละครั้งของเกมนี้ ซึ่งจุดโทษครั้งแรก ที่เป็นแฮนด์บอล ก็ไม่มีการโต้แย้งอะไร

อ่านต่อได้ที่ >>> https://www.arsware.org/